วันนี้เป็นวันสุดท้ายของ In the Pink 2014 แล้ว ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วออกไปไหว้พระใหญ่ Kotoku-in หรือ Kamakura Daibutsu, Great Buddha นั่งรถไฟจาก Tokyo ไม่ถึงชั่วโมง
จาก Tokyo มีฝนปรอยๆ แล้ว จับรถไฟมาลงที่ Kamakura ก่อนแล้วต่อรถไฟท้องถิ่น Enoden ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง Hase ถ้าหาขบวนรถใน Hyperpedia ต้องเลือก Hase(Kanakawa)
ยังพอมีโชคอยู่บ้าง พอถึงฝนเหลือแค่ปรอยๆ .... ออกจากสถานีก็เลี้ยวขวาเดินตรงไปตามแผนที่เลย
กิโลเล็กๆ ... เดินสัก 15-20 นาทีก็ถึงปากทางเข้าวัด Kotoku-in Temple
ประตูวัด
บำรุงวัดก่อน 300 Yen
มาเป็นคนแรกเลย .... มาญี่ปุ่นนี่ไม่เจอฝนก็กระไรอยู่ ... วันนี้ฟ้าสีฟ้าไม่มาตามนัดอีกแล้ว ... :)
Kamakura Daibutsu พระใหญ่ Kamakura
สร้างจาก Bronze ทำปฎิกริยากับแดดกับฝนก็เลยออกมาสีเขียว
องค์พระสูง 13.35 เมตร รวมฐาน น้ำหนัก 122 ตัน
พระองค์ที่ใหญ่ที่สุดคือ Nara Daibutsu สูง 15 เมตรอยู่ที่วัด Todaiji เมือง Nara แล้วจะพาไปในทริปถัดไป
ไปไหว้พระใหญ่ Daibutsu ขอพรกันก่อน
เลข 8
องค์พระเดิมสร้างจากไม้แต่โดนแผ่นดินไหวบ้าง พายุไต้ฝุ่นบ้าง Tsunami ถล่มบ้าง ทั้งวิหารทั้งองค์พระพังไปหมด
Lady Inada-no-Tsubone กับหลวงพ่อ Joko ออกเดินทางไปทั่วญี่ปุ่นบอกบุญรับบริจาคเงินมาสร้างพระใหญ่ในปี 1252 สร้างสำเร็จโดยสองสุดยอดช่างฝีมือ Ono Goroemon และ Tanji Hisatomo
เจอ Tsumami พัดทำลายพระวิหารไปแต่องค์พระยังคงอยู่อย่างมั่นคงจึงได้รับแรงศรัทธาจากคนทั่วไป
Sakura ร่วงไปตั้งนานแล้ว เหลือแต่กุหลาบพันปีหรือกี่ปีไม่รู้อะ
วันนี้ขออนุญาตเก็บภาพ 360 องศาเลยนะครับ
มุมนี้มุมมหาชนตอนดอก Sakura Full Bloom เมื่อสามอาทิตย์ที่ผ่านมา
ทางเข้าชมภายในองค์พระใหญ่
ค่าบำรุงวัดแค่ 20 Yen
ภายในองค์พระ
ปั้นปูนก็ว่ายากแล้วแต่นี่ต้องเอาแผ่นเหล็กแต่ละแผ่นมาดัดแล้วเชื่อมกัน ... ผลงานของสองสุดยอดฝีมือ Ono Goroemon และ Tanji Hisatomo เขาแหละถึงได้องค์พระออกมางดงามแบบนี้
ด้านบนเศรียรพระ
เทคนิคต่อเชื่อมแผ่นเหล็ก
หน้าต่างไม่ใช่ปีกนะ
ต้องกราบลาองค์พระใหญ่แล้ว บ่ายนี้ลูกช้างต้องบินกลับบ้านแล้วครับ
... ช่วงนี้ทัศนะวิสัยไม่ค่อยดี เพราะแว่นตาป่วยโดนนั่งทับซะแบนเลย .... :(
Hasedera Temple
Sammon Gate ... บำรุงวัดไป 300 Yen
วัดนี้สร้างในปี 721 โดยนักบวช Tokudo Shonin ท่านพบต้นไม้ใหญ่ Camphor จึงนำมาแกะสลักเป็นรูปพระโพธิสัตว์สององค์ องค์หนึ่งประดิษฐานที่ Asedera Temple เมือง Nara อีกองค์ลอยในทะเลและอธิษฐานให้ได้ไปประดิษฐานในที่ที่เหมาะสม 16 ปีต่อมาองค์พระลอยมาที่ชายฝั่งใกล้ Kamakura และก็ได้เชิญท่าน Tokudo Shonin สร้างวัดเพื่อประดิษฐานองค์พระซึ่งก็คือ Kamakura Hasedera Temple นั่นเอง
Jizo-do Hall
Serenity
Jizo พระพุทธรูปหิน
Jizo มีมากมายเพราะผู้คนนำมาถวายอุทิศส่วนกุศลให้แก่ทารกที่เสียชีวิตจากการทำแท้งหรือสาเหตุอื่น ทุกปีจะมีการย้ายออกถึงวันนี้ประมาณว่ามากกว่า 50,000 องค์แล้ว
ไม่มีไรทำ ลองเล่น Dep ของกล้องไปเรื่อยๆ ... ;)
เดินขึ้นไปอีกชั้น Kannon-do Hall
Amida-do Hall
Shoro Belfry
รอยพระพุทธบาท
Komokuten Statue
Hesedera View Point .... Kamakura เจอ Tsunami หลายครั้งเพราะเป็นเมืองติดชายทะเล จากสถานีรถไฟ Hase เลี้ยวขวาเดินลงมาวัด ถ้าเลี้ยวซ้ายไปไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเลแล้ว
วิวเมือง Kamakura จากจุดชมวิว Hasedera Temple
จัดแบบ Panorama ไปหนึ่งรูป ... ถ้าฟ้าเป็นสีฟ้าก็คงสุดยอดของความงาม
เดินลงมาชมสวนด้านล่าง
This is Japan ... ดูแลอย่างดีไม่งั้นกุหลาบโดนฝนจะเป็นหวัดอะ ... :)
ดอกใหญ่จิงๆ
ถ้าไม่มีร่มกัน กุหลาบคงโรยไปตามฝนแล้ว เราคงไม่มีโอกาสได้ชมความงามของกุหลาบพวกนี้ ขอบคุณครับ .... ;)
Shoin Hall สงบแบบ Zen
ให้เข้าถึงแบบ Zen ก็คงต้องมานั่งเพ่งทรายกันละ
Benten Kutsu Cave ถ้ำเล็กๆ
ยังพอรอดได้แบบสบายๆ
มีรูปปั้นเล็กๆตั้งบูชา Benzaiten , the Sea Goddess and the Only Female of the Seven Lucky Gods in Japanese Mythology
จบแล้วกราบลาท่านอิคิวซังหน่อย
ขามาเจ้าหน้าที่กดตั๋วให้ ... ตอนนี้ต้องกดเองแล้วละ ไม่ยุ่งยากอะไร แค่ต้องรู้ว่าเลือกเจ้า Enoden Line
ตอนนี้อยู่ Hase กลับ Kamakura ก็ 190 Yen
จัดไปได้ตั๋วมาหน้าตาแบบนี้
Enoden Line มาแล้ว
End of In the Pink 2014
จาก Kamakura ก็กลับเข้า Shinjuku ไปเอากระเป๋าที่โรงแรม กลับมาที่สถานีอีกทีเพื่อนั่งเจ้า Narita Express NEX ไปสนามบิน Narita ขามาลงสนามบิน Haneda
เจ้านายโวยมาเที่ยวผักผ่อนอะไรเนี้ยไม่ตื่นตีห้าก็หกโมงเช้าทุกวันเลย .... ที่หลังจะไม่มาด้วยแล้ว .... :)
เตรียมติดตามภาคสอง Alone in Kansai Japan เร็วๆนี้ .... :)