Kamakura

Kamakura

Saturday, July 26, 2014


วันนี้เป็นวันสุดท้ายของ In the Pink 2014 แล้ว  ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วออกไปไหว้พระใหญ่  Kotoku-in  หรือ  Kamakura Daibutsu,  Great Buddha   นั่งรถไฟจาก Tokyo ไม่ถึงชั่วโมง

จาก  Tokyo   มีฝนปรอยๆ แล้ว  จับรถไฟมาลงที่  Kamakura   ก่อนแล้วต่อรถไฟท้องถิ่น  Enoden  ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง  Hase  ถ้าหาขบวนรถใน  Hyperpedia  ต้องเลือก  Hase(Kanakawa)
  
ยังพอมีโชคอยู่บ้าง พอถึงฝนเหลือแค่ปรอยๆ .... ออกจากสถานีก็เลี้ยวขวาเดินตรงไปตามแผนที่เลย

กิโลเล็กๆ ... เดินสัก 15-20 นาทีก็ถึงปากทางเข้าวัด   Kotoku-in Temple 

ประตูวัด

บำรุงวัดก่อน  300 Yen



มาเป็นคนแรกเลย .... มาญี่ปุ่นนี่ไม่เจอฝนก็กระไรอยู่ ... วันนี้ฟ้าสีฟ้าไม่มาตามนัดอีกแล้ว ...  :)


Kamakura Daibutsu    พระใหญ่  Kamakura


สร้างจาก  Bronze   ทำปฎิกริยากับแดดกับฝนก็เลยออกมาสีเขียว

องค์พระสูง  13.35  เมตร รวมฐาน  น้ำหนัก  122  ตัน

พระองค์ที่ใหญ่ที่สุดคือ  Nara  Daibutsu  สูง  15  เมตรอยู่ที่วัด  Todaiji  เมือง  Nara    แล้วจะพาไปในทริปถัดไป


ไปไหว้พระใหญ่   Daibutsu   ขอพรกันก่อน
  




เลข  8

องค์พระเดิมสร้างจากไม้แต่โดนแผ่นดินไหวบ้าง พายุไต้ฝุ่นบ้าง  Tsunami  ถล่มบ้าง  ทั้งวิหารทั้งองค์พระพังไปหมด

Lady Inada-no-Tsubone  กับหลวงพ่อ  Joko  ออกเดินทางไปทั่วญี่ปุ่นบอกบุญรับบริจาคเงินมาสร้างพระใหญ่ในปี 1252  สร้างสำเร็จโดยสองสุดยอดช่างฝีมือ  Ono Goroemon  และ  Tanji Hisatomo

เจอ  Tsumami  พัดทำลายพระวิหารไปแต่องค์พระยังคงอยู่อย่างมั่นคงจึงได้รับแรงศรัทธาจากคนทั่วไป

Sakura  ร่วงไปตั้งนานแล้ว  เหลือแต่กุหลาบพันปีหรือกี่ปีไม่รู้อะ


วันนี้ขออนุญาตเก็บภาพ  360  องศาเลยนะครับ


มุมนี้มุมมหาชนตอนดอก  Sakura  Full Bloom  เมื่อสามอาทิตย์ที่ผ่านมา





ทางเข้าชมภายในองค์พระใหญ่

ค่าบำรุงวัดแค่  20 Yen

ภายในองค์พระ

ปั้นปูนก็ว่ายากแล้วแต่นี่ต้องเอาแผ่นเหล็กแต่ละแผ่นมาดัดแล้วเชื่อมกัน ... ผลงานของสองสุดยอดฝีมือ  Ono Goroemon  และ  Tanji Hisatomo  เขาแหละถึงได้องค์พระออกมางดงามแบบนี้


ด้านบนเศรียรพระ



เทคนิคต่อเชื่อมแผ่นเหล็ก

หน้าต่างไม่ใช่ปีกนะ

















ต้องกราบลาองค์พระใหญ่แล้ว  บ่ายนี้ลูกช้างต้องบินกลับบ้านแล้วครับ

 ... ช่วงนี้ทัศนะวิสัยไม่ค่อยดี  เพราะแว่นตาป่วยโดนนั่งทับซะแบนเลย .... :(









Hasedera Temple


ออกจากวัดพระใหญ่เดินย้อนกลับมาแวะชม Hasedera Temple

แผนที่ของวัด

Sammon Gate ...  บำรุงวัดไป  300  Yen

วัดนี้สร้างในปี  721  โดยนักบวช Tokudo Shonin  ท่านพบต้นไม้ใหญ่  Camphor  จึงนำมาแกะสลักเป็นรูปพระโพธิสัตว์สององค์  องค์หนึ่งประดิษฐานที่ Asedera Temple เมือง  Nara  อีกองค์ลอยในทะเลและอธิษฐานให้ได้ไปประดิษฐานในที่ที่เหมาะสม  16  ปีต่อมาองค์พระลอยมาที่ชายฝั่งใกล้ Kamakura และก็ได้เชิญท่าน Tokudo Shonin สร้างวัดเพื่อประดิษฐานองค์พระซึ่งก็คือ  Kamakura Hasedera Temple นั่นเอง




Jizo-do Hall



Serenity






Jizo  พระพุทธรูปหิน



Jizo  มีมากมายเพราะผู้คนนำมาถวายอุทิศส่วนกุศลให้แก่ทารกที่เสียชีวิตจากการทำแท้งหรือสาเหตุอื่น  ทุกปีจะมีการย้ายออกถึงวันนี้ประมาณว่ามากกว่า  50,000  องค์แล้ว

ไม่มีไรทำ  ลองเล่น  Dep  ของกล้องไปเรื่อยๆ ...  ;)









เดินขึ้นไปอีกชั้น  Kannon-do Hall

องค์พระพุทธรูปประดิษฐานด้านในแต่ห้ามถ่ายรูปอะ

Copy   จาก  Net   มาให้ดู





Amida-do Hall


Shoro Belfry




รอยพระพุทธบาท


Komokuten Statue



Hesedera View Point ....  Kamakura  เจอ  Tsunami  หลายครั้งเพราะเป็นเมืองติดชายทะเล  จากสถานีรถไฟ  Hase  เลี้ยวขวาเดินลงมาวัด  ถ้าเลี้ยวซ้ายไปไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเลแล้ว

วิวเมือง  Kamakura  จากจุดชมวิว  Hasedera  Temple





จัดแบบ  Panorama  ไปหนึ่งรูป  ...  ถ้าฟ้าเป็นสีฟ้าก็คงสุดยอดของความงาม

เดินลงมาชมสวนด้านล่าง



This is Japan ... ดูแลอย่างดีไม่งั้นกุหลาบโดนฝนจะเป็นหวัดอะ ...  :)

ดอกใหญ่จิงๆ






ถ้าไม่มีร่มกัน  กุหลาบคงโรยไปตามฝนแล้ว  เราคงไม่มีโอกาสได้ชมความงามของกุหลาบพวกนี้   ขอบคุณครับ  ....  ;)


Shoin Hall  สงบแบบ  Zen 

ให้เข้าถึงแบบ  Zen  ก็คงต้องมานั่งเพ่งทรายกันละ



Benten Kutsu Cave  ถ้ำเล็กๆ


ยังพอรอดได้แบบสบายๆ

มีรูปปั้นเล็กๆตั้งบูชา  Benzaiten , the Sea Goddess and the Only Female of the Seven Lucky Gods in Japanese Mythology
 
จบแล้วกราบลาท่านอิคิวซังหน่อย

ขามาเจ้าหน้าที่กดตั๋วให้  ... ตอนนี้ต้องกดเองแล้วละ  ไม่ยุ่งยากอะไร  แค่ต้องรู้ว่าเลือกเจ้า Enoden Line

ตอนนี้อยู่   Hase  กลับ  Kamakura  ก็  190 Yen 

จัดไปได้ตั๋วมาหน้าตาแบบนี้



Enoden Line มาแล้ว





End of In the Pink 2014

จาก  Kamakura  ก็กลับเข้า  Shinjuku  ไปเอากระเป๋าที่โรงแรม  กลับมาที่สถานีอีกทีเพื่อนั่งเจ้า  Narita Express  NEX   ไปสนามบิน  Narita   ขามาลงสนามบิน  Haneda

เจ้านายโวยมาเที่ยวผักผ่อนอะไรเนี้ยไม่ตื่นตีห้าก็หกโมงเช้าทุกวันเลย ....   ที่หลังจะไม่มาด้วยแล้ว   .... :)  



เตรียมติดตามภาคสอง    Alone in Kansai Japan    เร็วๆนี้ ....  :)












No comments:

Post a Comment